เปิดใจ ‘สุพันธ์ุ มงคลสุธี’ จากประธาน ส.อ.ท.สู่ ‘แคนดิเนตนายกฯ’ ไทยสร้างไทย
“สพันธุ์ มงคลสุธี” แคนดิเนตนายกพรรคไทยสร้างไทย เปิดใจเข้าสู่ถนนสายการเมือง ชูนโยบายเศรษฐกิจพรรค
การเลือกตั้งปี 2566 เป็นการเลือกตั้งที่เป็นการแข่งขันกันด้วยนโยบายและตัวบุคคลด้านเศรษฐกิจ ทำให้แต่ละพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ และประสบการณ์ในการบริหารงานเศรษฐกิจทั้งระดับองค์กร และระดับปประเทศ เช่นเดียวกันกับ “พรรคไทยสร้างไทย” ทีได้ส่ง “สุพันธุ์ มงคลสุธี” อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะรองหัวหน้าและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค ลงเป็นแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีอันดับ 2 ต่อจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคที่ลงเป็นแคนดิเนตนายกฯอันดับ 1 ของพรรค
“กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์สุพันธุ์ถึงเหตุผลที่หันหลังให้กับวงการธุรกิจ และเข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างเต็มตัว รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจที่น่าสนใจของพรรคไทยสร้างไทยที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้
“สุพันธุ์” กล่าวว่าก่อนหน้านี้อยู่ในแวดวงธุรกิจมาตลอดชีวิตค่อยๆสร้างกิจการจากเอสเอ็มอีเล็กๆ จนกลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และภูมิใจมากที่บริษัทที่เคยปลุกปั้นและบริหารสามารถเติบโตและจ่ายเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลเข้าภาครัฐมากกว่า 1.5 พันล้านบาท
แม้ว่าบนเส้นทางธุรกิจประสบผลสำเร็จอย่างมากในการบริหารกิจการจนได้รับตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีหลายปี ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและอยู่ในตำแหน่งถึง 3 สมัย แต่เมื่อทำงานร่วมกับคณะกรรมการต่างๆร่วมกับภาครัฐได้เริ่มเห็นปัญหาในการบริหารจัดการของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโควิด-19 ที่มองว่าการแก้ปัญหาล่าช้า กระทบต่อทั้งชีวิตประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ผลกระทบต่อเนื่องจากโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจประเทศทรุดตัวลงมากหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นมาแตะระดับ 80 – 90% ต่อจีดีพี ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน ส่วนหนี้สาธารณะของประเทศก็เพิ่มสูงมากจากวิกฤติที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันปัญหาความเหลื่อมล้ำก็เพิ่มสูงขึ้นมากจนเกิดปัญหาทางสังคมตามมามาก ซึ่งมองว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเศรษฐกิจไทยจะมีปัญหามากและกระทบมายังภาคส่วนต่างๆในสังคม ในที่สุดประเทศก็คงไปไม่รอดเพราะอาจจะพังทลายลงได่ ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินก็ต่ำลงซึ่งจะกระทบกับลูกหลานที่อยู่ในประเทศนี้ที่จะมีความลำบากมากขึ้นในอนาคต
“ผมจึงคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องลงมาทำงานการเมืองเอง เพราะเรารู้ถึงปัญหา และวิธีการแก้ไข และการทำงานของผมก็ไม่ได้หวังผลประโยชน์ ไม่ต้องรักษาผลประโยชน์ให้ใคร ซึ่งต่างกับรัฐที่มองความมั่นคงเฉพาะกลุ่ม จึงตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองซึ่งคิดว่าดีกว่านั่งว่านั่งวิจารณ์อยู่ข้างนอก เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าได้ตามวิสัยทัศน์ที่ได้มองไว้ว่าประเทศไทยควรพัฒนาไปอย่างไร” นายสุพันธุ์ กล่าว
สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของพรรคไทยสร้างไทย เราเน้นไปที่การปลดล็อกเศรษฐกิจด้วยนโยบาย 3 สร้าง คือสร้างพลังคนตัวเล็ก สร้างรายได้ควบคู่กับการลดรายจ่าย และสร้างโอกาสและสร้างความสุข โดยในส่วนแรกที่จะเป็นการปลดล็อกเศรษฐกิจพรรคมองไปที่การแก้ปัญหาหนี้สิน เพราะหนี้สินที่ประชาชน และเอสเอ็มอีรายย่อยมีอยู่ทำให้ขยับตัวได้ลำบาก โดยวันนี้สิ่งที่เป็นปัญหามากคือหนี้นอกระบบที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 10-20 % เมื่อรวมจำนวนหนี้ทั้งในและนอกระบบคิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 14 – 15 ล้านล้านบาท แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> แบงก์ชาติสิงคโปร์-ฮ่องกงยัน กรณี “เครดิต สวิส” ไม่กระทบภาคธนาคารในประเทศ